ข่าวอาชญากรรม

ชาวบ้านเอะใจ ได้ยินเสียงดังผิดปกติ แจ้งจนท.เข้าตรวจ เจอเหมืองบิตคอยน์ ลอบใช้ไฟหลวงเมื่อ

เวลา 17.00 น. วันที่ 20 มีนาคม ที่ สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.นฤนาถ พุทไธสง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.มนัส อัดโดดดร ผกก.สภ.อุทัย พ.ต.อ.พีรพัสส์ ชูช่วย ผกก.กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นาย วิสูตร จันทร์นิล ผู้จัดการการไฟฟ้า ส่วนภูมิภาค สาขาอุทัย ร่วมแถลงข่าวผลการตรวจค้นจับกุม การลักลอบการใช้ไฟฟ้า ลักลอบติดตั้งอุปกรณ์ขุดบิตคอยน์ ที่อาคารพาณิชย์ 3 ชั้นริมถนนสายอุทัย-ภาชี หมู่ที่ 4 ต.อุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา

จากการตรวจสอบ พบว่า ด้านหน้าตัวอาคารมีการติดตั้งฝ้า ปิดบังสายไฟเข้าตัวอาคาร จึงทำการรื้อฝ้าออก พบว่ามีการเชื่อมสายไฟเข้าไปในตัวอาคารโดยไม่ผ่านมิเตอร์ ล็อกประตูเหล็กม้วนด้านล่างของอาคารพาณิชย์ จึงทำการตัดเข้าไปตรวจสอบภายใน ที่พื้นชั้นล่างมีการเจาะพื้นเพื่อร้อยสายไฟทะลุพื้นขึ้นไปยังชั้นที่ 3

ตรวจสอบที่ชั้น 3 มีการทำฝ้าเป็นกล่อง ด้านในพบอุปกรณ์ เครื่องขุดบิตคอยน์ จำนวน 31 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง พัดลมขนาดใหญ่ 2 ตัว พัดลมตั้งพื้นขนาดใหญ่ 1 เครื่อง พัดลมยังทำงานอยู่เป่าลมออกทางหน้าต่างเพื่อระบายความร้อน และพบอุปกรณ์สายไฟอีกจำนวนหนึ่ง จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน

นายวิสูตร จันทร์นิล ผู้จัดการการไฟฟ้า ส่วนภูมิภาค สาขาอุทัย เปิดเผยว่า ได้มีการตรวจสอบระบบไฟฟ้าของการไฟฟ้าว่ามีการใช้งานที่ผิดปกติ และมีประชาชนแจ้งว่า ที่อาคารพาณิชย์หลังดังกล่าว มีเสียงดังออกมาจากตัวอาคารผิดปกติ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ พบว่ามีการลักลอบใช้ฟ้า ทำให้การไฟฟ้าเสียหาย และการลักลอบใช้ไฟฟ้า รวมถึงการติดตั้งเครื่อง เครื่องขุดบิตคอยน์ ทำงานตลอดเวลา อาจจะเกิดอันตราย กับประชาชน เช่นไฟฟ้าลัดวงจรแล้วเกิดไฟไหม้ กับตัวอาคารได้ อยากฝากประชาชนถ้าพบเห็นสิ่งผิดปกติ สามารถแจ้งไปได้ที่ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาในพื้นที่ หรือ แจ้งไปที่ 1129

 

พล.ต.ต.นฤนาถ พุทไธสง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เป็นการทำการบูรณาการร่วมกันทั้งการไฟฟ้า ตำรวจ กำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ อยากฝากบอกพี่น้องประชาชนอย่างปล่อยผ่าน ช่วยกันสอดส่องเป็นหูเป็นตา เพื่อป้องกันอาชญากรรมจะไม่เกิดถ้าเราช่วยกันดูแล

ซึ่งการตรวจยึดในครั้งนี้พบว่า อาคารพาณิชย์หลังดังกล่าว ทางเจ้าของได้เปิดให้เช่า โดยมีผู้มาเช่าอ้างว่าจะเปิดเป็นสำนักงาน เพิ่งจะเช่าได้ประมาณ 1 เดือน ทางผู้เช่าได้เก็บเอกสารการเช่าเป็นบัตรประชาชน ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า บัตรประชาชนชื่อกับข้อมูลในบัตรไม่ตรงกัน เป็นบัตรประชาชนปลอม และจากการสืบสวนพบกลุ่มบุคคลที่มาเช่าอาคารพาณิชย์นี้เคยถูกจับกุมมาแล้ว ในพื้นที่ของสภ.พระนครศรีอยุธยา การลักลอบใช้ไฟฟ้า ทราบจากทางการไฟฟ้าคำนวณมูลค่าความเสียหายประมาณ 280,000 บาท

ฝากถึงประชาชนที่มีอาคาร มีห้องพักที่ว่างเปล่า ถ้าจะมีคนมาขอเช่าขอให้ตรวจสอบบัตรประชาชนให้มีความละเอียดกับการให้เช่าเพราะอาจจะเกิดช่องว่างให้มิจฉาชีพเข้ามาก่อเหตุลักษณะแบบนี้ในพื้นที่ของท่านได้

โดย ทีมข่าวอยุธยา

Share
Published by
โดย ทีมข่าวอยุธยา

Recent Posts