ชาวบ้านรุมสาปแช่ง “นายเล็ก” 18 มงกุฎโกงเงินเจ้าอาวาส ส่งศาลแขวงดำเนินคดี
24 ต.ค. 2567 ที่ สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตั้งแต่ช่วงเช้า มีชาวบ้านทยอยเดินทาง มารอดูหน้า นายสัญญา หรือ นายเล็ก อายุ 66 ปี ผู้ต้องหา คดีฉ้อโกง ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวไปส่งฟ้องศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา
กลุ่มชาวบ้านกระจายกันเดินสำรวจ ทางเข้าออกของโรงพักเฝ้าตามจุดต่างๆ เดินวนเวียน ยืนเฝ้าหน้าห้องควบคุม อยากที่จะดูหน้าของผู้ต้องหา โดยภายในห้องควบคุม นายเล็ก ผู้ต้องหา ถูกควบคุมร่วมกับผู้ต้องหารายอื่นอีก 3 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำอาหารเช้า เมนูผัดกะเพราหมู ส่งให้ผู้ต้องหา โดยตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ไม่มีญาติมาเยี่ยม และ นายสัญญา ไม่มีความเครียดอะไร นอนหลับสบาย
ผู้สื่อข่าวได้พบ กับ พระครูวิศาลวรคุณ อายุ 66 ปี เจ้าอาวาสวัดบ้านอิฐ จ.อ่างทอง ที่ตกเป็นเหยื่อของ นายสัญญา มารอดูหน้าผู้ต้องหา พร้อมเล่าเรื่องราวให้ฟังว่า ช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2565 ก่อนเข้าพรรษา นายสัญญา ตอนนั้นใช้ชื่อว่าแดง ได้เดินทางมาที่วัด จะมาขอเป็นเจ้าภาพกฐิน
ได้บอกว่าทางวัดมีเจ้าภาพแล้ว นายสัญญา ยังบอกอีกว่า จะนำคนมาร่วมทอดกฐินด้วยพร้อมกับ เอารายชื่อ ที่อยู่ในซองสีน้ำตาล มีรายชื่อประมาณ80 ชื่อ ระบุยอดเงินมาเลยตั้งแต่หลักแสนบาท จนถึง 3 ล้าน รวมแล้วประมาณ 10 ล้านบาท
จะนำเงินมาถวายให้วันที่ทอดกฐิน และได้ขอซองกฐินไปจำนวน 100 ซอง กระป๋องกฐินอีก 80 ใบ พอถึงวันทอดกฐินไม่มีใครมา หลังจากนั้นยังเดินทางกลับมาที่วัดอีกครั้ง บอกว่าหาเจ้าภาพช่วยสร้าง “วิหารหลวงพ่อดำ” ของวัดได้ด้วย อีก 6 ล้าน ลูกพี่จะนำเงินมาทำบุญพร้อมกับรถยนต์อีก 1 คัน ผมเห็นรถมาแล้ว ส่วนเงินทอดกฐินจะมาถวายทีเดียว กำหนดวันเรียบร้อย พร้อมให้หาโต๊ะจีน จำนวน 9 โต๊ะ เลี้ยงพระ และคณะที่จะมาถวายเงิน
พร้อมกับจัดหากระเช้าถวายสังฆทานพระจำนวน 9 ชุด พอถึงวันนัดไม่มีใครมาที่วัด จึงโทรไปสอบถาม แล้วบอกว่าขอให้เลื่อนไปก่อน ได้บอกไปว่าเลื่อนไม่ได้แล้ว จึงต้องจัดงานไปเป็นการทำบุญวันเกิด ไปแทน ค่าใช้จ่ายวันนั้น 40,000 บาท ต้องออกเอง
หลังจากงานทอดกฐินเสร็จ มีโยมขับรถเบนซ์หรู มาที่วัด 3 ราย บอกว่า ไม่เห็นทางวัด เตรียมงานทำบุญทอดกฐินเลย กะมาทำบุญกัน 3 ราย รายละ 1 ล้าน 2 ล้าน 3 ล้าน ถึงได้รู้ว่าถูก นายสัญญา หลอกเอาซองกฐินไปขอทำบุญ และน่าจะเอาซองกฐิน ที่ได้ไปจากวัด ไปแจกหลอกเอาเงินชาวบ้านไปแล้วด้วย
ที่มาวันนี้ อยากจะบอกกับนายสัญญาว่าจำอาตมา ได้ไหมเท่านั้น
ต่อมา เวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้กระจายกำลังบริเวณโดยรอบรถเคลื่อนย้ายผู้ต้องขัง จัดตั้งแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจจากห้องขัง มาถึงที่รถกันประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอความร่วมมือ ชาวบ้านไม่ให้ขว้างป่าสิ่งของ หรือจะเข้าทำร้ายผู้ต้องห าเพราะอาจจะทำให้บาดเจ็บและมีความผิดในข้อหาทำร้ายร่างกายได้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้คุมตัว นายสัญญา ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง ออกจากห้องควบคุม สวมใส่หมวกกันน็อค ได้มีชาวบ้านตะโกนด่าสาปแช่งต่างๆ นานา สบถคำหยาบ กรูจะเข้าทำร้าย เจ้าหน้าที่ที่ตำรวจต้องกันให้ออกห่าง ผู้สื่อข่าวพยามสอบถาม นายสัญญา อยากจะพูดอะไรเป็นครั้งสุดท้าย ขอโทษประชาชนหรือไม่ นาย เล็กปฏิเสธที่จะพูด นั่งสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมตัวนายสัญญา ส่งฟ้องศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา