ตำรวจตามตัวเจอแล้วชาย ยืมของวัดแล้วไม่ยอมคืน อ้างยืมให้เพื่อนแม่
จากกรณี ชายแต่งตัวดีขับรถยนต์กระบะ มาติดต่อขอมยืมข้าวของภายในวัด เกาะแก้วเกษฎาราม ต.บ่อโพง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวนหลายรายการ มูลค่ากว่า50,000 บาท อ้างว่า ไปจัดงานบุญ ภายในหมู่บ้านจัดสรรใกล้กับวัด จนเวลาผ่านไปหลายวันไม่นำของมาคืนตามที่มีการตกลงเอาไว้ ทางวัดติดต่อไม่ได้ สอบถามไปที่หมู่บ้านพบไม่มีการจัดงานทำบุญ จึงรู้ว่าถูกหลอก และได้เข้าแจ้งความกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครหลวง เพื่อดำเนินคดี ตามที่เสนอ ข่าวไปแล้วนั้น
ทั้งนี้ ชายดังกล่าวบอกว่าจะนำของมาคืนในวันที่ 20 มี.ค. ซึ่งวัดลงบันทึกไว้ตามระเบียบ เห็นล่วงเลยมาหลายวันจึงโทรศัพท์ไปหา แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อสอบถามไปที่หมู่บ้านจัดสรรได้รับข้อมูลว่าไม่มีการจัดงานอะไรในวันที่ 18 มี.ค. จึงรู้ว่าถูกหลอก กระทั่งไปแจ้งความกับสภ.นครหลวง เพื่อดำเนินคดี
ภายหลังจากมีการนำเสนอข่าวและมีการโพสต์ลงโซเชียล ทำให้ประชาชนร่วมแจ้งเบาะแสไปที่วัด โดยพระครูปลัดทวีศักดิ์ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.นครหลง ชุดสืบสวน สภ.บางปะอิน เข้าไปตรวจสอบที่บ้านเช่าหลังหนึ่งใน ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พบพบรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์ ฝากระโปรงท้ายและฝากระบะสีดำตรงกับภาพตามกล้องวงจรปิด
พบ นายสุรชัย อายุ 35 ปี ยืนอยู่หน้าบ้าน ตรงกับชายตามภาพกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปสอบถามข้อมูล ทันทีที่นายสุรชัยเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงอาการตกใจ
ตรวจสอบในบ้านพบหม้อหุงข้าวใบใหญ่ จำนวน 2 ใบ ฝาหม้อขนาดใหญ่ จำนวน 2 ฝา กระบวยใหญ่ จำนวน 2 อัน เครื่องครัวที่ตรวจพบเป็นของจากวัดอื่นๆ ส่วนของของวัดเกาะแก้วเกษฎารามเหลือเพียงฝาหม้อข้าว 2 ฝาเท่านั้น
สอบถามนายสุรัชยอ้างว่ามีเพื่อนของแม่ที่รู้จักกันช่วยให้ตนไปยืมของจากวัดมาจริงเพื่อไปทำโต๊ะจีน และเพื่อนของแม่ที่รู้จักกันจะเป็นคนนำของกลับไปคืนวัดเอง ตนไม่ได้มีเจตนานำของไปขาย หรือไปหลอกพระ ซึ่งของที่ยืมวัดตนเอามาไว้ที่บ้าน และมีคนมารับของไป ตนมีหลักฐานทั้งหมด
สอบถามนายสุรัชยอ้างว่ามีเพื่อนของแม่ที่รู้จักกันช่วยให้ตนไปยืมของจากวัดมาจริงเพื่อไปทำโต๊ะจีน และเพื่อนของแม่ที่รู้จักกันจะเป็นคนนำของกลับไปคืนวัดเอง ตนไม่ได้มีเจตนานำของไปขาย หรือไปหลอกพระ ซึ่งของที่ยืมวัดตนเอามาไว้ที่บ้าน และมีคนมารับของไป ตนมีหลักฐานทั้งหมด
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดสิ่งของที่พบภายในบ้าน พร้อมกับรถกระบะ และพานายสุรชัยไปสอบสวน ที่ สภ.นครหลวง
นายสุรชัยยอมรับว่า วันเกิดเหตุได้เข้าไปยืมเครื่องครัวจากวัดเกาะแก้วเกษฎารามและวัดโพธิ์ทอง มีเพื่อนของแม่ ซึ่งรู้จักกับตนด้วย ช่วยให้ไปยืมของวัด จะไปทำโต๊ะจีน งานทำบุญ แต่ไม่ทราบจริงๆ ว่ายังไม่ได้นำไปคืน จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามมาที่บ้าน
ส นายสุรชัยกล่าวว่า ไม่ได้มีเจตนาหลอกพระ หรือเอาของไปขาย เพราะตนทำร้านไม้อยู่ที่ จ.นนทบุรี เบอร์โทรที่ตนเขียนไว้ ยอมรับเขียนเบอร์โทรผิดไป 2 ตัว ถ้ามีเจตนาไม่ดี คงไม่เขียนเบอร์โทรให้สลับกัน
ด้านพระครูปลัดทวีศักดิ์กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะทำ ข้าวของสิ่งของของวัดญาติโยมถวายทำบุญให้วัด บางส่วนวัดต้องเสียเงินไปซื้อมาให้ญาติโยมได้เอาไปใช้ มาทำแบบนี้ไม่รู้จะพูดอย่างไร ทำกรรมอะไรต้องได้รับผลกรรมนั้น ถือว่าเป็นบาปติดตัว ปล่อยให้รับผิดไปตามกระบวนการของกฎหมาย
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เชื่อคำให้การของผู้ก่อเหตุเนื่องจากการสืบสวนมีพยานหลักฐานว่านายสุรชัยมีการนำเครื่องครัวที่ยืมวัดไปขายในราคา 18,250 บาท หักค่ารถ 1,000 บาท คงเหลือ 17,250 บาท
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหานายสุรชัย “ยักยอกทรัพย์” และจะขยายผลไปยังผู้รับซื้อต่อไป