ชายวัย 57 จอดกระบะติดเครื่องนอนข้ามคืน ชาวบ้านผิดสังเกต มาดูพบกลายเป็นศพ
เสียชีวิตในรถ
เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2566 ร.ต.ท.วัชรพงษ์ เจริญรัตน์ รอง สอบสวน สภ.พระอินทร์ราชา อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งพบผู้เสียชีวิต ภายในรถยนต์กระบะ จอดอยู่ริมถนนพหลโยธิน ขาออก ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 51 หมู่ที่ 8 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสาน มูลนิธิร่วมกตัญญู ไปให้การสนับสนุน
ที่เกิดเหตุ พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ 4 ประตู สีเทาดำ จอดติดเครื่องยนต์อยู่พร้อมเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน ประตูรถล็อค กระจกทั้ง 4 บานปิดสนิท ที่บริเวณเบาะที่นั่งคนขับ ปรับเบาะเอนมีชายนอนอยู่ เจ้าหน้าที่พยายามเคาะกระจกเขย่ารถเพื่อปลุกให้ตื่น แต่ไม่ตื่นไม่รู้สึกตัวเ จ้าหน้าที่จึงทำการปลดล็อก เปิดประตูรถเข้าไปตรวจสอบ
พบว่าชายคนดังกล่าวเสียชีวิตแล้ว ตรวจสอบเอกสารภายในรถพบใบขับขี่ ระบุ ชื่อ นาย บุญลอม คำนุช อายุ 57 ปี เป็นชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ สภาพศพ มือทั้งสองข้างอยู่ที่เอวและหน้าอก สวมเสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงิน ใส่กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล ตรวจสอบ ตามร่างกาย ภายในรถไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ถูกทำร้าย หรือรื้อค้น
สอบถาม นาย วีรฉัตร พงษ์จำปา อายุ 61 ปี ชาวจังหวัดชัยภูมิ คนขับรถบรรทุกพ่วง ที่จอดรถอยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ เล่าให้ฟังว่า ตนเองมาจอดรถเพื่อรับสินค้าที่โกดังใกล้กับจุดที่พบรถยนต์กระบะ เห็นรถยนต์กระบะจอดเปิดไฟฉุกเฉินตั้งแต่เมื่อวานประมาณ 17.00 น.ของเมื่อ วันที่ 20 ก.ย. จนมาวันนี้ ตนเองเห็นผิดสังเกตไม่มีใครลงมาจากรถ จึงเดินไปข้างๆรถได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถยังจอดติดเครื่องอยู่ผิดสังเกตและมีชายนอนไม่ไม่รู้สึกตัวอยู่ภายในรถ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบพบว่าเสียชีวิตแล้ว
ทางด้าน นาย จิตร พิลาวุธ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู กล่าวว่าตนเองได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบว่ามีชายนอนหมดสติอยู่ภายในรถยนต์กระบะ เมื่อมาถึงพบว่ารถยนต์กระบะติดเครื่องยนต์พร้อมกับเปิดสัญญาณไฟผ่าหมากเอาไว้จึงได้เข้าไปเขย่ารถ แต่ชายที่นอนอยู่ในรถไม่รู้สึกตัวและสังเกตว่าไม่หายใจแล้ว จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญ มาปลดล็อคประตูจึงพบว่าชายในรถ เสียชีวิตและทราบว่ามีประชาชนเห็นตั้งแต่ช่วง 17.00 น. ของวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมาก็เห็นรถยนต์กระบะคันนี้มาจอดแล้ว
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตน่าจะจอดรถนอนพักผ่อนภายในรถ แล้วอาจจะมีโรคประจำตัวอยู่เกิดกำเริบทำให้ช็อคเสียชีวิต โดยจะส่งศพไปชันสูตรอย่างละเอียดที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จังหวัดปทุมธานี พร้อมกับประสานติดต่อญาติผู้เสียชีวิตมาทำการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตอีกครั้งต่อไป