สลด ชายวัย 51 หายตัวไป ญาติ-มูลนิธิลุยหาทั้งคืนไม่เจอ พบจมน้ำเสียชีวิตในร่องน้ำสวนมะพร้าว
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ต.ต.ภราดา ตันติรุ่งอรุณ สว.(สอบสวน) สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งพบชายเสียชีวิตจมน้ำภายในสวนมะพร้าว ริมถนนทางหลวงหมายเลข 347 ปทุมธานี-บางปะหัน หมู่ 5 ต.บ้านพลับ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมประสาน สมาคมอยุธยารวมใจหน่วยกู้ภัยอยุธยา ไปให้การสนับสนุน
ที่เกิดเหตุพบเป็นสวนมะพร้าว ขนาดใหญ่เนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ มีร่องน้ำสวนมะพร้าว จำนวนหลายร่องน้ำ ภายในร่องน้ำใกล้กับทางเข้าสวนมะพร้าว กว้างประมาณ 1 เมตร ลึกประมาณ 60 เซนติเมตร พบศพนายสมชาย อายุ 51 ปี ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ในสภาพคว่ำหน้าสวมเสื้อยืดคอกลมสีดำ มีกระเป๋าสะพายคาดอก สวมใส่กางเกงขาสั้นลายเสือ ใกล้กับที่พบศพ พบตอไม้อยู่ 1 ตอ ตรวจสอบตามร่างกายผู้เสียชีวิตในเบื้องต้นพบมีบาดแผลแตกที่บริเวณหน้าผากความยาวประมาณ 5-8 เซนติเมตร บริเวณโดยรอบไม่พบร่องรอยการต่อสู้ หรือถูกทำร้าย
สอบถามนางยุพา อายุ 52 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต ในเบื้องต้นทราบว่า ผู้เสียชีวิตมีอาชีพทำนา และรับจ้างช่วยดูแลสวนมะพร้าว ได้ขี่รถ จยย.ออกมาจากบ้านตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันที่ 24 กรกฎาคม มาที่สวนมะพร้าว เพื่อซ่อมเครื่องสูบน้ำ จากนั้นเวลาประมาณ 07.00 น. ตนเองได้มาหาสามีที่สวนมะพร้าว จะให้ช่วยไปซ่อมรถ จยย.แต่ไม่พบสามี พบเพียงรถ จยย.จอดอยู่ ตามหาไม่พบ คิดว่าสามีน่าจะเข้าไปในสวนมะพร้าว จึงกลับไปที่บ้าน รอจนช่วงเที่ยงไม่เห็นสามีกลับไปกินข้าวกลางวันที่บ้านผิดสังเกต จึงได้กลับมาตามหาที่สวนมะพร้าว สอบถามเพื่อนคนงานด้วยกันไม่มีใครพบสามี จึงได้เริ่มทำการค้นหาบริเวณโดยรอบของสวนมะพร้าวและมีการประสานขอความช่วยเหลือจากอาสาสมัครมูลนิธิพุทไธสวรรย์ มาช่วยกันเดินลุยในสวนมะพร้าว และค้นหาในร่องน้ำสวนมะพร้าวตลอดทั้งคืน ไม่พบร่าง
นางยุพากล่าวต่อว่า ต่อมาในช่วงบ่ายได้ มีคนงานของสวนมะพร้าวไปเข้าห้องน้ำแล้วเหลือบไปเห็นร่างของสามีจมน้ำอยู่ภายในร่องน้ำ ระยะหลังสามีมักจะบ่นเวลาที่ออกมาทำงานว่าเหนื่อยและปวดศีรษะ ทุกวันสามีจะต้องออกมาที่สวนมะพร้าวเพื่อมาดูแลสวนมะพร้าวและนำอาหารมาเลี้ยงสุนัขชื่อ เจ้าโบ้ เป็นสุนัขที่หลงทางมา สามีเอามาเลี้ยงไว้ให้เฝ้าสวนมะพร้าวด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนงานสวนมะพร้าวให้ข้อมูลว่า เจ้าโบ้ ค่อนข้างดุจะส่งเสียงเห่ากับคนที่แปลกหน้าไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ จะมีผู้เสียชีวิตเพียงคนเดียวที่สามารถเข้าใกล้เจ้าโบ้ได้ โดยระหว่างที่มีการค้นหากันเจ้าโบ้ส่งเสียงเห่าอยู่บริเวณที่เกิดเหตุตลอดเวลา แต่ไม่มีใครสังเกตและไม่กล้าเข้าไปใกล้กลัวว่าเจ้าโบ้จะกัดและทำร้าย ไม่คิดว่าจะเป็นจุดที่พบร่างของผู้เสียชีวิต
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตอาจจะหน้ามืดเป็นลม แล้วลื่นตกลงไปในร่องน้ำศีรษะกระแทกกับตอไม้จนจมน้ำเสียชีวิต ได้ส่งร่างของผู้เสียชีวิตไปชันสูตรอย่างละเอียดที่นิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี เพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง