จับ 2 ผัวเมียแสบหลอกฉกเลขพัสดุ เนียนรับพระเครื่อง ปู่ทิม วัดระหารไร่ ราคานับล้าน ก่อนถึงผู้รับ
ผัวเมียแสบหลอกฉกเลขพัสดุ ไปรับพระเครื่อง มูลค่านับล้าน
จับ 2 ผัวเมียแสบหลอกฉกเลขพัสดุ เนียนรับพระเครื่อง ปู่ทิม วัดระหารไร่ ราคานับล้าน ก่อนถึงผู้รับ
ตำรวจอยุธยารวบ 2 ผัวเมียแสบ หลอกเอาเลขพัสดุไปรับพระเครื่อง “หลวงปู่ทิม” วัดละหารไร่ ราคานับล้าน ของเซียนพระชื่อดังก่อนส่งถึงมือลูกค้า
เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ ห้องประชุม สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.พัทธนันท์ ทรงสมถวิล ผกก.สภ.บางปะอิน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.บางปะอิน ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายสหรัฐ หรือ แป๊ะ อายุ 28 ปี น.ส.สุรีรัตน์ หรือ นุ่น ที่สวมรอยไปรับพระเครื่อง พระผงหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง จำนวน 2 องค์ รวมมูลค่า 930,000 บาท จากบริษัทรับส่งพัสดุ ก่อนที่จะถึงผู้รับตัวจริง
พล.ต.ต.ชยานนท์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงประมาณเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา นายธนกฤต กัญจนทัตอายุ 42 ปี เซียนพระชื่อดัง แอดมินเพจเฟซบุ๊ก “หมีพูห์ ปู่ทิม สายตรงหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่” ได้ไลฟ์ขายพระเครื่องผ่านเพจดังกล่าว มีลูกค้าเข้ามาบูชาเป็นจำนวนมาก โดยได้มีการไลฟ์ให้เช่าบูชาพระเครื่องหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ซึ่ง นายไพศาล ทิพยมงคล อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นลูกค้าของเพจ มีความสนใจพระเครื่อง และตกลงซื้อขายกันในราคาสูง เมื่อถึงเวลาจัดส่งให้กับลูกค้า ได้นำพระเครื่องใส่กล่องพัสดุฝากส่งให้นายไพศาล ลูกค้า โดยฝากส่งกับบริษัทรับส่งพัสดุชื่อดัง ภายในเขตดอนเมือง กรุงเทพมหานครก่อนกลุ่มมิจฉาชีพ ได้แฝงตัวดูการไลฟ์อยู่และรู้ว่าพระเครื่องมีการปิดการเช่าบูชาในราคาสูง กลุ่มมิจฉาชีพจึงได้อ้างตัวเป็นนายไพศาล ลูกค้า หลอกถามเอาเลขพัสดุ จากนายธนกฤต และค้นหาข้อมูลส่วนตัวของนายไพศาล ลูกค้าผู้เช่าพระจากเฟซบุ๊ก เมื่อได้เลขพัสดุ มิจฉาชีพ ได้ว่าจ้างให้คนขับรถรับจ้างไปดักรับกล่องพัสดุจากบริษัทรับส่งสินค้าภายในเขต อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้เฝ้าแกะรอยเส้นทางของมิจฉาชีพ จนสามารถไปติดตามจับกุมตัว นายสหรัฐ หรือ แป๊ะ อายุ 28 ปี น.ส.สุรีรัตน์ หรือ นุ่น ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน พร้อมกับตรวจค้นที่บ้านพัก ในจ.ราชบุรี สามารถติดตามของกลางเป็นพระเครื่องหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ คืนมาได้ ในการสืบสวนในขณะนี้เราพบผู้กระทำความผิดเพียง 2 สามีภรรยา จึงได้ตั้งข้อกล่าวหา “ฉ้อโกงทรัพย์ โดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” ส่วนผู้ที่รับจ้างไปรับสินค้า สืบสวนสอบสวนแล้วไม่พบว่ากระทำความผิดเพราะไม่ทราบ ได้รับว่าจ้างให้ไปรับสินค้ามาเท่านั้น ส่วนพนักงานของบริษัทรับส่งพัสดุ ไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาถูกหลอกจนหลงเชื่อมอบพัสดุให้ไป
พล.ต.ต. ชยานนท์ กล่าวว่า เพิ่มเติมอีกว่า จากการสืบสวนขยายผลทราบว่าผู้ต้องหาเคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายคดี แต่อาจจะเปลี่ยนวิธีในการหลอกลวงผู้เสียหายและบริษัทขนส่งจนหลงเชื่อ ตามรายงานข่าวเมื่อปี 64 ได้รับโทษเพียงไม่นาน เมื่อออกจากเรือนจำมาก็กระทำความผิดซ้ำอีก
ขอฝากถึงพี่น้องประชาชนที่มีการขายสินค้าทุกประเภท โดยเฉพาะที่มีมูลค่าราคาสูง กระบวนการของมิจฉาชีพในลักษณะนี้ให้แก่ประชาชนทั่วไปได้ทราบ เนื่องจากวิธีการก่อเหตุ และรูปแบบการกระทำความผิดนี้กำลังระบาดไปทั่วประเทศ จากหลายกลุ่มมิจฉาชีพซึ่งใช้วิธีการคล้ายคลึงกัน โดยการไปดักเอาสินค้ามูลค่าสูงจากปลายทางแทนผู้รับสินค้าหรือพัสดุตัวจริง ก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายเป็นอย่างมาก เพื่อเป็นการเตือนภัยให้ทราบ และระวังไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพในลักษณะนี้
นายธนกฤต กล่าวว่า ตนต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยติดตามคดีนี้ได้อย่างรวดเร็ว และเห็นการทำงานของตำรวจที่ตั้งใจสืบสวนคดีนี้อย่างมาก ขอชื่นชมเพราะพฤติกรรมของผู้ต้องหา มีวิธีการที่แยบยลมาก หลอกจนหวงเชื่อตั้งแต่โทรศัพท์อ้างตัวเป็นลูกค้ามาขอเลขพัสดุ ตนเคยเห็นข่าวอยู่แล้วจึงไม่ให้ไปจากนั้นผู้ต้องหาได้ปลอมไลน์ของลูกค้าเข้ามาทักพูดคุยกับตน จนหลงเชื่อบอกเลขพัสดุไป โดยอ้างว่าวันที่พัสดุถึงจะไม่อยู่บ้านจะไปขอรับพัสดุแทนที่ปลายทาง ผู้ต้องหายังได้มีการว่าจ้าง รับจ้างไปรับพัสดุที่บริษัทรับส่งพัสดุปลายทาง ใน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงอยากฝากเตือนพี่น้องประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังในการซื้อขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ที่มีมูลค่ามาก ส่งสินค้าผ่านบริษัทขนส่งสินค้า เลขพัสดุถือว่าสำคัญ ไม่ควรเปิดเผย
ทางด้านนายทิพยมงคล อายุ 54 ปี ผู้เช่าพระเครื่อง เปิดเผยว่า ตนเช่าหาวัตถุมงคลมาหลายปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนตัวเชื่อมั่นกับทางเพจนี้อยู่แล้ว ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจมากที่ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายได้เพราะถ้าหากปล่อยคนร้ายไว้ต้องไปก่อเหตุกับผู้เสียหายรายอื่นอีก