ผู้ต้องหาปล้นทอง ให้การปฏิเสธ คุมตัวฝากขังตำรวจค้านประกันตัว
จากกรณีเมื่อกลางดึกวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผบก.สส.ภ.1 พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบสวนภาค 1 ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ชุดสืบสวน สภ.เสนา นำหมายศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จับกุมตัว นาย หนึ่ง อายุ 47 ปี นาย บูม อายุ 27 ปี นาย กลอฟ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหา ในข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์ ทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ ใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืน ใช้อาวุธปืนในที่และทางสาธารณะ
ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน พยานบุคคล หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จนทราบว่า ได้ร่วมกันก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนปล้นทองรูปพรรณ น้ำนักรวม 86 บาท มูลค่า 3 ล้านบาท จากร้านทองภายในห้างสรรพสินค้า สาขาเสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 พ.ย.2565 ที่ผ่านมา นำไปสู่การขอศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อนุมัติออกหมายจับ
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 12 พฤศจิกายน ที่สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.พิษณุ ต๊ะปินตา ผกก.สอบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.เชิดศักดิ์ นัยนา รอง ผกก.(สอบสวน) พร้อมด้วย นักงานสอบสวนร่วมกันสอบปากคำ 3 ผู้ต้องหา โดยได้แยกตัวกันสอบสวน ภายหลังจากการสอบสวน ได้ควบคุมตัว 3 ผู้ต้องหาออกจากห้องสอบสวน คุมตัวไปฝากขังศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทันที
โดยผู้ต้องหาทั้งให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จึงต้องควบคุมตัวฝากขังศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมกับการคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากอัตราโทษสูง ส่วนทองที่ถูกปล้นจากการสอบสวนและตรวจอย่างละเอียดจากทางร้านแล้ว ทั้งสิ้น 86 บาท มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล พยานทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่สามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้ โดยเมื่อช่วงเช้าได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำหมายศาลเข้าตรวจค้นสถานที่ที่เชื่อมโยงกับผู้ต้องหาทั้ง 3 คนเพื่อตรวจหา ทองรูปพรรณของกลาง และวัตถุพยาน ผลการตรวจค้นไม่พบทองรูปพรรณ