ข่าวประชาสัมพันธ์

อยุธยาเปิด วอล์คอิน ฉีดวัคซีน ไฟเซอร์ แอสตร้าเซนเนก้า กระตุ้นภูมิให้กับประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 มีนาคม อาคารอเนกประสงค์ (ด้านหลัง) วัดใหญ่ชัยมงคล อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา นายแพทย์ยุทธนา วรรณโพธิ์กลาง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย ผู้บริหารเทศบาลเมืองอโยธยา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัด ตรวจเยี่ยมการเปิดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์ แอสตร้าเซนเนก้า แบบ วอล์คอิน ซึ่งจะให้บริการระหว่างวันที่ 7-12 มีนาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 09.00 -15.00 น. ณ จำนวนวันละ 1,500 คน ให้กับประชาชนไม่จำกัดสัญชาติ อายุ 18 ปีขึ้นไป ได้ตั้งแต่เข็มที่ 1-3 โดยเฉพาะเข็มกระตุ้น (เข็มที่ 3)
โดยได้รับความเมตา จากพระครูสิริชัยมงคล รองเจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสวัดใหญ่ชัยมงคล ให้ใช้สถานที่และสิ่งอำนวยความดวกในการให้บิรการฉีดวัคซีน

นายแพทย์ยุทธนา กล่าวว่า ภาพรวมการฉีดวัคซีนของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ของทุกกลุ่มอายุทำได้มากกว่า 90% ในเข็มแรก และกว่า 40% ในเข็มที่สาม ซึ่งเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญในการต่อสู้กับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โอไมครอนนี้ ในส่วนระลอกเดือน มกราคม จนถึงปัจจุบัน มีแนวโน้มที่มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้น และติดเชื้อจะง่ายขึ้นจากระลอกที่ผ่านมา แต่ในขณะเดียวกันผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจะพบเจอน้อยลง ดังนั้น มาตรการที่จะนำมารับมือได้ดีที่สุด เรื่องแรก คือ การฉีดวัคซีน ซึ่งในวันนี้เป็นการจัดฉีดวัคซีนนอกสถานที่อีกครั้งหนึ่ง โดยเราหวังผลในทุกเข็ม แต่สำคัญที่สุด คือเข็มกระตุ้น (เข็มที่ 3) สำหรับท่านที่ได้ฉีดวัคซีน 2 เข็มแล้ว และครบระยะที่ต้องมาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (เข็มที่ 3) ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ร่วมกับโรงพยาบาลชุมชน และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอทุกแห่ง มีการจัดสรรวัคซีนสำหรับบริการทุกท่านไม่ว่าจะเป็น Pfizer หรือ AstraZeneca ซึ่งวัคซีนเข็มที่ 3 จะช่วยให้ท่านรับมือกับเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โอไมครอน ได้เป็นอย่างดี

จากสถานการณ์การระบาดทำให้มีผู้ป่วยรายวันเพิ่มมากขึ้น และส่วนใหญ่ถ้าได้รับวัคซีนแล้ว หรือไม่มีภาวะเสี่ยงอื่น หรือเรียกว่ากลุ่ม 607 ไม่ว่าจะเป็น เบาหวาน ความดัน ไต หัวใจ น้ำหนักเกิน อายุมากกว่า 60 ปี หรือโรคเรื้อรังอื่นๆ เมื่อท่านเป็นผู้ติดเชื้อและแพทย์พิจารณาว่าไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยจะสามารถเข้าสู่ระบบการรักษา โดยมาที่จุดบริการของสาธารณสุขต่าง ๆ โรงพยาบาล หรือ รพ.สต. เมื่อตรวจพบทางเจ้าหน้าที่จะประเมินอาการ ซึ่งหาก “เจอ” เจ้าหน้าที่จะทำการ “แจก” มีอยู่ 2 อย่าง ได้แก่ 1. แจกความรู้ ซึ่งทางเจ้าที่จะอธิบายว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เบอร์โทรของเจ้าหน้าที่ เพื่อการติดต่ออย่างใกล้ชิดเมื่อมีอาการเปลี่ยนแปลง 2. แจกยา ซึ่งจะเป็นยาที่ใช้จำเพาะที่สำหรับอาการ หรือความเสี่ยงบางประการ เช่น ยาฟาวิพิราเวียร์ ฟ้าทะลายโจร และยารักษาตามอาการ โดยเจ้าหน้าที่จะโทรติดตามอาการจนครบ 48 ชั่วโมง และกักตัวจนครบการรักษา จนหายจากการติดเชื้อแล้วกลับมาใช้ชีวิตปกติ

โดย ทีมข่าวอยุธยา

Recent Posts