ข่าวประชาสัมพันธ์

บิ๊กป้อม ควงแขน ร.อ.ธรรมนัส พร้อม ผู้บริหาร ส.ส.พลังประชารัฐ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ภาคกลาง

ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อ วันที่ 22 กันยายน ที่สำนักงาน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาบางบาล อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประชุมรับฟังสถานการณ์น้ำหลากในพื้นที่ภาคกลาง และการบริหารจัดการน้ำ การแก้ปัญหาน้ำท่วม ในทั้งระบบในลุ่มน้ำเจ้าพระยา และแนวทางการจัดการและเตรียมพื้นที่รับน้ำหลากในพื้นที่ลุ่มต่ำ โดยมี นายภานุ แย้มศรี ผวจ.พระนครศรีอยุธยา นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นำเสนอภาพรวมการบริหารจัดการน้ำรับน้ำหลากตามมาตรการ กอนช. และแผนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทั้งระบบในลุ่มน้ำเจ้าพระยา นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน นำเสนอแนวทางการจัดการและเตรียมพื้นที่รับน้ำหลากในพื้นที่ลุ่มต่ำ และนายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำเสนอแนวทางให้ความช่วยเหลือประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการเดินทางมา ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ของ พล.อ.ประวิตร ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มี ผู้บริหารของพรรพลังประชารัฐ ส.ส.ในพรรค ประมาณ 50 คน เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานวิปรัฐบาล นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี รวมถึงส.ส.จากหลายจังหวัดในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน โดยพบว่า ส.ส. ส่วนหนึ่งจะสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนัง ที่หน้าอก เป็นรูปไก่ พร้อมกับชื่อ ของร.อ.ธรรมนัส และลายเซ็น


พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ กอนช. เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ที่ในขณะนี้มีปริมาณน้ำท่าตามธรรมชาติที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น ซึ่งกรมชลประทานได้เพิ่มอัตราการระบายของเขื่อนเจ้าพระยาเป็น 1,481 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณท้ายเขื่อนบางแห่งที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย พื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณ คลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา และแม่น้ำน้อยที่ ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีราษฎรประมาณ 602 ครัวเรือน อย่างไรก็ตามเหตุการณ์น้ำท่วมเช่นนี้เป็นเรื่องปกติที่ชาวบ้านในพื้นที่รับรู้ว่าจะเกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงฤดูน้ำหลาก ซึ่ง กอนช. ได้ให้กรมชลประทานเตรียมพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ และเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังยังจุดเสี่ยงล่วงหน้า พร้อมทั้งประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานท้องถิ่น เพื่อแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบอย่างต่อเนื่องแล้ว

สำหรับความพร้อมของพื้นที่ลุ่มต่ำสำหรับรับน้ำหลากในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ได้มอบหมายให้ทุกจังหวัดในพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นด่านหน้าก่อนมวลน้ำจะไหลเข้าสู่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ดำเนินการตาม 10 มาตรการรับมือฤดูฝนของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด พร้อมเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงรับน้ำหลากและเตรียมแผนเผชิญเหตุให้พร้อม และให้จังหวัดร่วมบูรณาการกับกรมชลประทานพิจารณาความเหมาะการรับน้ำหลากเข้าทุ่งในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างทั้ง 10 แห่ง โดยกำหนดให้ดำเนินการหลังวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ประกอบด้วย ทุ่งเชียงราก ทุ่งท่าวุ้ง ทุ่งฝั่งซ้ายคลองชัยนาท–ป่าสัก ทุ่งบางกุ่ม ทุ่งบางกุ้ง ทุ่งบางบาล-บ้านแพน ทุ่งป่าโมก ทุ่งผักไห่ ทุ่งเจ้าเจ็ด และทุ่งโครงการฯ โพธิ์พระยา รวมทั้งให้ปรับลดการระบายน้ำจากแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก พร้อมทั้งวางแผนเก็บน้ำสํารองทุกแหล่งทั้งผิวดินและใต้ดิน ไว้รองรับในช่วงฤดูแล้งหน้า

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำกรมชลประทานเร่งดำเนินโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร ซึ่งเป็น 1 ใน 9 แผนหลักของการบรรเทาอุทกภัยในลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายในปี 2566 ขณะเดียวกัน จะต้องทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้และรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้การยอมรับและเกิดความร่วมมือในการขับเคลื่อนแผนงานด้านน้ำระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนในพื้นที่

จากนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางติดตามการบริหารจัดการที่ประตูระบายน้ำปากคลองบางบาล ต.ไทรน้อย อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกับมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับ ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อไปมอบให้กับบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ

สำหรับประตูระบายน้ำบางบาล จะช่วยบรรเทาอุทกภัยตัวเมืองพระนครศรีอยุธยาและพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างเฉลี่ย 1.9 2.5 ล้านไร่/ปี เพิ่มศักยภาพในการใช้ประโยชน์พื้นที่ด้านเกษตรกรรมกว่า 229,138 ไร่ เป็นแหล่งน้ำต้นทุนเพื่ออุปโภค-บริโภค 15 ล้าน ลบ.ม. ครอบคลุมพื้นที่ 48 ตำบล 3 เทศบาล 362หมู่บ้าน ถนนบนคันคลองเป็นเส้นทางคมนาคมเชื่อมระหว่างอำเภอบางบาลและบางไทรและเป็นเส้นทางสัญจรทางน้ำเลี่ยงตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา

“ประตูระบายบางบาล สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง มีประสิทธิภาพในการระบายน้ำ 500 ลบ.ม./วินาที จะลดความเสี่ยงน้ำท่วมทุ่งบางบาลได้ถึงร้อยละ 70

การออกแบบประตูระบายน้ำบางบาล ออกแบบโครงสร้างให้สอดคล้องกับ ความเป็นไทย และวัฒนธรรม ได้อย่างสวยงาม สามารถมอเห็นชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวบ้านริมแม่น้ำ จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาด้วย

โดย ทีมข่าวอยุธยา

Recent Posts