ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด19 ซ้ำรอบ 2 เจ้าของร้านอาหารพนักงาน ภายในตลาดกลางเพื่อเกษตรกร (ตลาดกุ้ง)
วันที่ 23 เมษายน ที่ตลาดกลางเพื่อเกษตรกร(ตลาดกุ้ง) ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา นายภานุ แย้มศรี ผวจ.พระนครศรีอยุธยา นพ.พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายบดินทร์ เกษมศาสนติ์ นายอำเภอพระนครศรีอยุธยา
ตรวจสอบ ปฏิบัติการตรวจคัด กรองเชิงรุกเพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 รอบสอง ของกลุ่มผู้ประกอบการลูกจ้างตลาดเพื่อเกษตรกร(ตลาดกุ้ง) จำนวน 401 ราย หลังจากครบรอบ 5 วันหลังจากการตรวจรอบแรก โดยสถานการณ์ผู้ติดเชื้อภายในตลาดกลางเพื่อเกษตรกร(ตลาดกุ้ง) รวม 34 ราย การตรวจเชิงรุก เพื่อเป็นการค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด 19 เพิ่มเติม และเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้างต่อไป โดยผลการตรวจจะทราบในเวลา 12.00 น.วันที่ 24 เมษายน
นายภานุ แย้มศรี ผวจ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ข้อมูล ณ วันที่ 23 เมษายน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 19 ราย รวมเป็นระลอกเมษายน 208 ราย รวมทั้งหมด 268 ราย ทั้งนี้ผู้ติดเพิ่มในวันนี้มาจากกลุ่มที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ไม่ยอมกักตนเอง ยังร่วมสังสรรค์กับครอบครัวในช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมา ทำให้คนในครอบครัวติดเชื้อโรคโควิด 19 ด้วย และยังมีผู้ติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงด้วย ส่วนสถานการณ์ผู้ติดเชื้อภายในตลาดกลางเพื่อเกษตรกร(ตลาดกุ้ง) นับเป็นความโชคดีที่ทางสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และทีมสอบสวนโรค รับทราบข้อมูลรวดเร็วและทำการจำกัดวงของการแพร่ระบาดไม่ให้การติดเชื้อรุกลามในวงกว้าง โดยเบื้องต้นได้วางมาตรการให้กับร้านค้าต่าง ๆ ได้แก่ 1.ผู้ประกอบการและพนักงาน เมื่อผ่านการตรวจแล้วจะออกใบรับรอง passport covid เพื่อแสดงความมั่นให้กับลูกค้า 2. ให้ร้านค้าปรับปรุงระบบการจัดโต๊ะที่นั่งภายในร้านต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 : 1 เมตร 3. เจ้าของตลาด/ผู้รับผิดชอบดูแลตลาด ต้องปรับปรุงระบบน้ำเสีย และการจำกัดขยะ และ 4.ให้ทางร้านปรับปรุงระบบการระบายอากาศ และห้องแอร์ ให้สามารถถ่ายเทได้สะดวก ให้เป็นไปตามข้อกำหนด และมาตรการของกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข
นอกจากนี้จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังคงคำสั่งที่ 1496/2563 ลงวันที่ 5 พ.ค.2563 ยังคงมีผลบังคับใช้ ให้ประชาชนทุกคนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งก่อนออกจากเคหสถาน หรือขณะอยู่นอกเคหะสถาน หรือต้องติดต่อกับบุคคลอื่นหรือเดินทางไปในสถานที่สาธารณะหรือสถานที่ใดๆที่ต้องติดต่อกับบุคคลอื่นต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าด้วยทุกครั้งผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ตามมาตรา51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ. 2548