แม่ค้าไอศกรีมกะทิสดรับผลกระทบโควิด ต้องหันมาเผาถ่านเลี้ยงหนูนาสู้ชีวิต
นางวรารัตน์ ชาติวิเศษ อายุ 48 ปี ชาวบ้านตำบลสามเรือน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แม่ค้าไอศกรีมกะทิสด แบบถัง ที่ส่งขายตามโรงเรียน โรงงาน หรือการจัดงานกิจกรรม งานพิธีต่าง ๆตามโรงเรียนหรือสถานที่จัดงานต่างๆ ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ไม่มีการสั่งทำไอศกรีมกะทิสด ที่มีการสั่งประจำถูกยกเลิกหมด เนื่องจากตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ที่ โรงเรียนปิด และห้ามการจัดงานจัดกิจกรรม พิธีที่มีการรวมกลุ่มของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งการทำไอศกรีมกะทิดสดแบบถัง ตนเองและคนในครอบครัวทำสืบทอดกันมาเป็นอาชีพหลักสร้างรายได้เลี้ยงดูครอบครัว นับตั้งแต่ที่มีการแพร่บาดในระลอกที่ 2 ทำให้ขายรายได้ไปนานกว่า 2 เดือนโดยไม่มีรายได้เข้าบ้าน แต่ก่อนขายไอศกรีมไดวันละ วันละประมาณ 3-5 ถังจะมีรายได้พอเลี้ยงครอบครัว จึงต้องปรับเปลี่ยน ด้วยการสร้างเตาเผาถ่าน เก็บเศษไม้มาทำการเผาถ่าน ขาย ถุงละ 30 บาท ซึ่งก็ยังสามารถมีเงินชื้ออาหาร เลี้ยงคนในครอบครัว
ด้านนายสวิตชัย รื่นชล อายุ 58 ปี สามี ต้องเรียนรู้การเลี้ยงหนูพุก ซึ่งลองผิดลองถูกจนสามารถ นำหนูที่เลี้ยงมาขายยังชีพได้ แต่ก่อนเริ่มจากหนู 3-5 ตัวเป็นพ่อพันธ์ นำมาเลี้ยงในบ่อปูนซีเมนต์ หัดเลี้ยงจนสามารถสร้างผลกำไร ขายได้ตัวละ 100 บาท และขายหนูเนื้อกิโลกรัมละ 150 บาท ซึ่งก็สามารถสร้างรายได้ให้กลับครอบครัวอีกทาง หลังจากธุรกิจไอศกรีมต้องถูกยกเลิกไปจนไม่มีรายได้เลี้ยงครอบครับ
นอกจากนั้นยังขายพ่อพันธ์แม่พันธ์ สำหรับใครที่อยากเลี้ยง และมีราบได้จากการเลี้ยงหนูพุก ซึ่งยินดีที่จะสอนวิธีเลี้ยงอีกด้วย สามารถติดต่อได้ที่ เบอร์ 068-1339269