ไฟไหม้กุฎิพระหลวงตาวิ่งหนีออกจากเพลิงเป็นลมดับ
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 4 ส.ค.พ.ต.ต.อดิศร พันธุมาส สว.สอบสวน สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งมีเกิดเพลิงไหม้กุฎิพระ ภายในวัดเจ้าเจ็ดใน ม.3 ต.เจ้าเจ็ด อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม ด้วยนายอนุกูล เรือนแก้วนายอำเภอเสนา พ.ต.ท.ธีทัต สีดารักษ์ รองผกก.ป. สภ.เสนา ประสานรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลเจ้าเจ็ด และอบต. ที่ใกล้เคียงกว่า 10 คันสมาคมอยุธยารวมใจ ไปควบคุมเพลิง
พบเพลิงกำลังรุกไหม้กุฏิไม้ชั้นเดียวปลูกติดกันหลายหลังเจ้าหน้าที่ต้องเร่งระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปติดกับกุฎิหลังอื่นใช้เวลาประมาณ 30 นาที สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้พบว่าเพลิงได้ลุกไหม้กุฎิเสียหายไป 1 หลัง กุฎิหลังดังกล่าวมีพระอำไพ เลี้ยงรักษา อายุ 69 ปี จำวัตรอยู่ที่กุฎิหลังเกิดเหตุ ตรวจสอบภายในกองเพลิงไม่พบ จึงได้ออกตามหา
จนไปพบที่บริเวณริมกำแพงวัดบริเวณที่เจดีย์เก็บอัฐฐิพบศพศพพระอำไพร เลี้ยงรักษา 69 ปี สภาพศพนอนตะแคงคว่ำหน้ามีน้ำสีเขียวออกที่ช่องปาก ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้ายใกล้กันพบสุนัขพันธุ์ไทยเพศผู้สีน้ำตาลนอนเฝ้าศพอยู่ใกล้
สอบถามพระสมหมาย เมฆบริบูรณ์ อายุ 35 ปี เล่าว่า ช่วงระหว่างเกิดเหตุพระที่วัดทั้งหมดอยู่ที่ศาลาการเปรียญเนื่องจากเป็นวันพระมีญาติโยมมาทำบุญ ส่วนพระะอำไพร เพียงไม่ได้ลงศาลา เนื่องจากอายุมาก ระหว่างที่พระกำลังสวดมนต์ให้ศีลให้พรชาวบ้านที่มาทำบุญมีชาวบ้านตะโกนบอกว่าไฟไหม้กุฎิพระที่วัดเลยต่างพากันมามาช่วยกันดับไฟพร้อมกับแจ้งเจ้าหน้าที่
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ขณะที่ไฟไหม้กุฎิพระอำไพรวิ่งหนีออกมาจากกองเพลิง ประกอบกับที่อายุมากและมีโรคประจำตัว จนมาเป็นลมเสียชีวิตและจะส่งศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลธรรมศาตร์เพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตอีกครั้งใน ส่วน สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้น่าจะเกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งจะต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดพร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักพระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้