ประกบแก๊งเจาะตู้เอทีเอ็มเตรียมออกหมายจับ
จากกรณีคนร้ายใช้รถยนต์กระบะ ก่อเหตุใช้แก๊สเจาะตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงเทพ ได้เงินสดไปจำนวน 2.4 ล้านบาท และเจาะตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารไทยพาณิชย์ ไม่สามารถเปิดห้องเก็บเงินได้ ที่บริเวณลานจอดรถร้านอาหารลุงนวย แล้วหลบหนีไป จากนั้นรถของคนร้ายได้ถอยเข้าไปพื้นที่รกร้างข้างทางติดกับถนนเลียบคันคลองชลประทาน ม.6 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อแกละกล่องเงินและนำหลักฐานไปทิ้งในบ่อน้ำ จนท้องของรถยนต์ กระบะติดกับขอบถนน ไม่สามารถขึ้นมาได้คนร้ายจึงได้จุดไฟเผาเพื่อทำลายหลักฐาน ก่อนที่จะ หลบหนีไปพร้อมกับเงินสดกว่า 2 ล้านกว่าบาท เหตุเกิดเมื่องกลางดึกวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมาตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น โดยพบว่าจากพยานหลักฐาน เปรียบเทียบการก่อเหตุคนร้ายเจาะตู้เอทีเอ็ม ในพื้นที่ จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ช่วงวันที่ 25 มิ.ย.จนถึงวันที่ 6 ก.ค. เป็นกลุ่มคนร้ายกลุ่มเดียวกัน
ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 7 ก.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต สมชาย พัชรอินโต รอง ผบช.ภ. 1 พล.ต.ต อำนาจ จันเจริญ รอง ผบช.ภ.1 ได้เรียกชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตำรวจภูธรลพบุรี ตำรวจภูธรสระบุรี ร่วมประชุมเพื่อผล การสืบสวนติดตามตัวคนร้าย ซึ่งมีความคืบหน้าในส่วนของกลุ่มคนร้าย หลังจากกระประชุม ได้แยกย้ายกันลงพื้นที่เพื่อติดตามประกบคนร้ายทันที
ข้อมูลจากกล้องวงจรปิดมองเห็นในระยะไกล พบว่าคนร้ายได้เข้าไปก่อเหตุเจาะตู้เอทีเอ็มภายในร้านจอดรถของร้านอาหารลุงนวย เวลาประมาณ 02.00 น. ทำการตัดไฟก่อนจากนั้นเจาะตู้เอทีเอ็มของธนาคารไทยพาณิชย์ก่อน โดยใช้รถยนต์กระบะจอดบัง ส่วนรถยนต์เก๋งสีขาวจอดดูต้นทาง แต่ไม่สามารถเปิดช่องเก็บกล่องเงินได้ จึงถอยรถยนต์กระบะมาจอขางบังหน้าตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพ โดยทำการตัดไฟ และใช้แก๊สเจ้าตู้ จนได้เงินสดไปประมาณ2.4ล้านบาท ใช้เวลาประมาณ1 ช.ม.แล้วขับรถหลบหนีออกมา มุ่งหน้าไปยังถนนเลียบคันคอลงชลประทาน จุดที่รถเกิดไฟไหม้ มีรถยนต์เก๋งสีขาว ขับนำหน้าเข้าไปแล้วรถยนต์กระบะขับติดตามไป ช่วงประมาณ 04.00 น. หายจากกล้องประมาณ 30 นาที จากนั้นขับออกย้อนกลับไปเส้นทางเดิม
รายงานข่าวจากชุดสืบสวนทราบว่า รถยนต์กระบะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นรถยนต์กระบะ ที่กลุ่มคนร้ายได้ไปซื้อมาจากแหล่งรับจำนำรถแล้วนำไปใช้ก่อเหตุ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการมาซื้อรถ ที่จำนำแล้วไปใช้ก่อเหตุมาแล้วเมื่อเสร็จจะนำมารถมาขายต่ออีกครั้ง จนล่าสุดได้มาซื้อรถยนต์ กระบะคันล่าสุดไปก่อเหตุ โดยกลุ่มคนร้ายมีประมาณ 5-7 คน ซึ่งทราบตัวหมดแล้วอยู่ระหว่าง การรวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำเพื่อเตรียมขอหมายจับ