เพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัยอยุธยา ตะวัน-แบมโผลชูป้ายหน้าเวที ให้พท.เสนอนโยบาย ยกเลิกม.112
วันที่ 23 มีนาคม 2566 พรรคเพื่อไทยจัดเวทีปราศรัย “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” ที่ลานจอดรถ ภายในตลาดน้ำอโยธยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา นำโดย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมการเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการการเลือกตั้ง นายอดิศร เพียงเกษ
พร้อมด้วย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส พระนครศรีอยุธยา ทั้ง5เขต นายอัณณพ อารีย์วงศ์สกุล ว่าที่ผู้สมัคร เขต 1 นายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล ว่าที่ผู้สมัคร เขต 2 นายองอาจ วชิรพงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร เขต 3 และนายอาทิตย์ ภาคอินทรีย์ ว่าที่ผู้สมัคร เขต 4 นายจิรทัศ ไกรเดชา ว่าที่ผู้สมัคร เขต 5
โดยมีชาว จังหวัด พระนครศรีอยุธยาและพื้นที่ใกล้เคียงเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยกันจนแน่นลานจอดรถ นับว่าเป็นการปราศรัยในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ว่างเว้นไปหลายปี
น.ส.แพทองธาร ขึ้นปราศรัยพบปะกับประชาชน กล่าวว่า วันนี้ตนเองได้มาปราศรัยพบปะกับพี่น้องชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาตนเองตั้งท้องได้แปดเดือนพอดี ยังไงก็จะต้องมาปราศรัย และพบกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้ได้ วพรรคจะนำเทคโนโลยีมาช่วยทำการเกษตร พี่น้องเหนื่อยน้อยลงแต่ได้เงินมากขึ้น เราตั้งใจจริง 8 ปีที่ผ่านมาพี่น้องลำบากมามาก เรามีนโยบายดีๆมาก ที่บอกว่าจะทำให้ได้ก่อนปี 70 นั้นค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นไปได้แน่นอน และที่บอกกันว่าอยุธยาไม่สิ้นคนดี ขอฝากพรรคเพื่อไทยไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ พี่น้องชาวอยุธยา ต้องเลือกพรรคเพื่อไทย ต้องกาบัตรเลือกตั้งทั้ง2ใบ ให้อยุธยาแลนด์สไลด์ทั้งจังหวัด และทั้งประเทศ
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พี่น้องชาวอยุธยาครับ ในวันจันทร์ที่ผ่านมาพวกเราทุกคนได้รับข่าวดีคือการยุบสภาของนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้ประเทศชาติเราล่มสลายเสียหายมาตลอด พรรคเพื่อไทย จะเข้ามาทำงานมากอบกู้สภาพของประเทศที่เสียหาย เรามีทีมเศรษฐกิจ แลนโยบายที่ทำได้จริง
ในการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.ถ้าเราได้เป็นรัฐบาล ภายใน 6 เดือนจะสำรวจครัวเรือนไหนมีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาท เราจะเติมให้ ใครอายุ 16 ปี ขึ้นไปเราจะสร้างกระเป๋าตังค์ดิจิทัล ให้ใช้ในพื้นที่ 4 กม. เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น และจะทำให้รายได้สุทธิประชาชนเพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี
ด้านนพ.ชลน่าน ปราศรัยว่า วันนี้เราไม่คิดใหญ่ไม่ได้ เพราะหลังจากที่พวกเราถูกยึดอำนาจไป 8 ปีที่ผ่านมาประเทศชาติย่ำแย่ ถ้าปล่อยไว้ไม่คิดใหญ่ ประชาชนไม่มีโอกาสฟื้น โดยคิดใหญ่เรื่องแรกเราต้องเอาต้นเหตุความย่ำแย่ทั้งหลายออกจากประเทศไปก่อน เพราะมีคำว่า 3 ป.มายึดอำนาจและสืบทอดอำนาจ จึงขอแรงเอา 3 ป.กลับบ้านไป วันที่ 14 พ.ค.ขอให้ไปเลือกตั้งกาพท.ทั้งคนทั้งพรรคยกจังหวัดทั้ง 5 เขต เมื่อวานมีพรรคการเมืองสองพรรคไปกินข้าวด้วยกันเจตนาถ่ายรูปโชว์ ข้อเท็จจริงปรากฏว่าพลังประชารัฐ และภูมิใจไทยจับมือกันตั้งรัฐบาล ทั้งที่ประชาชนยังไม่มอบอำนาจให้ โดยทั้งสองพรรคนี้จะรวมกับพรรคชาติไทยพัฒนาและประชาธิปัตย์ ตั้งรัฐบาลให้ได้ 203 เสียง ถ้าประชาชนไม่เอาก็ขอให้เลือกเพื่อไทย
นายแพทย์ชลน่าน ได้ประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ให้พี่น้องประชาชนที่มาฟังปราศรัยให้ช่วยกันเลือก ว่าเหมาะสมหรือไม่ คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และ นายเศรษฐา ทวีสิน ได้รับสินค้าปรบมือเสียงโหร้องอย่างกึกก้อง ส่วนอีก 3 คนเราจะประกาศว่านที่5 เมษายน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่น.ส.แพทองธาร ปราศรัยอยู่นั้น น.ส.ทานตะวัน ตุลานนท์ หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม นักกิจกรรมเคลื่อนไหวต่อต้านมาตรา 112 ได้มาทำกิจกรรมหน้าเวที ด้วยการชูป้ายสำรวจความคิดเห็นว่า ประชาชนต้องการให้พรรค พท.เสนอนโยบายยกเลิกม.112 หรือไม่ และสอบถามว่าคุณคิดว่าปากท้องกับเสรีภาพไปด้วยกันได้หรือไม่โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนที่มาร่วมฟังการปราศรัยติดสติ๊กเกอร์โหวตว่าต้องการหรือไม่ต้องการให้ยกเลิก โดย น.ส.แพทองธาร ระบุว่า “ขอบคุณน้องๆ มากที่มา แต่ตอนนี้พี่ขออนุญาตทำหน้าที่ปราศรัยก่อน เดี๋ยวเราจะคุยกันหลังจากที่พรรคเพื่อไทยปราศรัยจบ” หลังจากนั้น น.ส.แพทองธารได้ปราศรัยต่อ