กระทรวงพาณิชย์ จัดงาน สุดยอดของดี สีสันชายแดนบูรพา จำหน่ายสินค้า กว่า 150 ร้านค้า 1-5 ก.ค.อยุธยาซิตี้พาร์ค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายของ วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค
จ.พระนครศรีอยุธยา นายวิทยากร มณีเนตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “สุดยอด ของดี สีสันชายแดนบูรพา ปี 2565 : Best and Colorful of Eastern Border Trading Fair 2022” โดยมี พาณิชย์กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก พาณิชย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประธานหอการค้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด ศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค หัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมในพิธีเปิดงาน
นางวรัญญา ถนอมพันธุ์ พาณิชย์จังหวัดตราด ในฐานะผู้แทนของกลุ่มพาณิชย์จังหวัดภาคตะวันออก กล่าว ว่า การจัดงานว่า เพื่อเป็นการเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการเพิ่มมูลค่าของสินค้า การตลาด การพัฒนามาตรฐานคุณภาพ เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันทางการค้า และเพิ่มช่องทางการตลาดให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการในภาคตะวันออก โดยกิจกรรมภายในงานมีหลายรูปแบบ เช่น การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการภาคตะวันออก 8 จังหวัด จำนวน 150 ร้านค้า ประกอบด้วย สินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป สินค้าอุตสาหกรรม ภาคบริการการท่องเที่ยว และอื่นๆ การเจรจาจับคู่ธุรกิจรายหลัก ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ได้แก่ ผู้ประกอบการของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก กับ ผู้ประกอบการจากกลุ่มจังหวัดภาคกลาง และผู้ประกอบการจากองค์การภาคเอกชนต่างๆ ประกอบด้วย สินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป เกษตรแปลงใหญ่ สินค้าอุตสาหกรรม ภาคบริการท่องเที่ยว และอื่นๆ นอกจากนี้
ภายในงานจะได้รับชม มินิคอนเสริตจากศิลปินดัง อาทิ อาม ชุติมา, ไรอัล ไมค์หมดหนี้, เต๋า ภูศิลป์, และลำไย ไหทองคำ เป็นต้น รวมถึงมีกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ลด แลก แจก แถม นาทีทอง และจับรางวัล อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า ทองคำรูปพรรณ ในงานอีกด้วย
ด้าน ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กลุ่มพาณิชย์จังหวัดภาคตะวันออก เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ เนื่องจากเป็นพื้นที่ฐานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมหลัก เป็นที่ตั้งของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่เป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ที่สำคัญทั้งท่าเรือน้ำลึก และท่าอากาศยานนานาชาติเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก และเป็นพื้นที่ในแนวระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ที่เชื่อมโยงเมียนมา-ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม ซึ่งเป็นเส้นทางลัดโลจิสติกส์ เชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน กับ โลกตะวันตกและโลกตะวันออก ผ่านการค้าชายแดน ซึ่งแต่ละปีทำรายได้ให้กับประเทศไทยปีละกว่าแสนล้านบาท นอกจากนี้ ภาคตะวันออกของประเทศไทย ยังเป็นแหล่งเพาะปลูกผลไม้หลักของประเทศ ที่สำคัญ เช่น ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ฯลฯ ซึ่งมีปริมาณการผลิตมากพอสำหรับใช้บริโภคภายในประเทศ และส่งออกไปยังต่างประเทศ สามารถสร้างรายได้ให้แก่ท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก รวมถึง เป็นกลุ่มจังหวัดที่มีศักยภาพด้านปศุสัตว์ ที่มีมาตรฐาน อาทิ ไก่เนื้อ ไก่ไข่ เป็ดเนื้อ เป็ดไข่ สุกร โคเนื้อ สถานที่พักไข่สัตว์ปีก ซึ่งจะสามารถส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ และที่สำคัญยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักที่สำคัญของประเทศไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด เป็นต้น
ดังนั้น การที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก ได้มีโอกาสเชื่อมโยงกับกลุ่มจังหวัดภาคกลาง ซึ่งมีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และโลจิสติกส์ของภูมิภาค ผ่านกิจกรรมงานดังกล่าว ในระหว่างวันที่ 1-5 กรกฎาคม 2565 ณ ศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้ประกอบการของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก และภาคกลาง จะได้มีโอกาสร่วมมือกันขยายช่องทางการตลาด การค้า และการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดมูลค่าเศรษฐกิจระหว่างกันให้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการช่วยเยียวยาผลกระทบอันเนื่องมาจากวิกฤติการณ์โรคระบาดโควิด-19 ได้ในระดับหนึ่ง