จับส.ต.อ.สืบสวนจังหวัดอยุธยา ฆ่าแฟนสาว ในบ้านพักตำรวจนำศพขึ้นรถกระบะเผานั่งยาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 13 มีนาคม พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังตำรวจฝ่ายสืบสวน และตำรวจพิสูจน์หลักฐานพระนครศรีอยุธยา ร่วมกันควบคุมตัว ส.ต.ท.ปิยะ นาโควงค์ อายุ 30 ปี ผบ.หมู่ หน่วยปฎิบัติการพิเศษ กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา มาชี้จุดและเก็บรวบรวมหลักฐาน บริเวณทุ่งนาริมถนนทางเข้าโรงเรียนในพื้นที่ หมู่ 4 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา หลัง ส.ต.อ.ปิยะ รับสารภาพ เป็นลงมือฆ่า น.ส.ธัญญ์พิศา วิชนันท์คุณนิธิ อายุ 40 ปี แฟนสาว มาเผาแล้วนำชิ้นส่วนที่เป็นกระดูกและส่วนที่เผาไม่หมดไปทิ้ง ในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสะพานอโยธยา ต.เกาะเรียน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
สำหรับคดีนี้ ก่อนหน้านี้ ผู้เสียชีวิตหายตัวไปไม่สามารถติดต่อได้ ทางครอบครัว และเพื่อนสงสัยว่า ส.ต.อ.ปิยะ จะเป็นผู้ก่อเหตุ จึงได้เข้าแจ้งความไว้ จากนั้นตำรวจเร่งสืบสวนสอบสวนแล้วเข้าควบคุมตัวส.ต.อ.ปิยะมาสอบสวน จนยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าแฟนสาว เมื่อเวลา 02.00 นของวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา กลับมาที่บ้านพัก แล้วเกิดทะเลาะกับ แฟนสาว เกิดจากความหึงหวงและปัญหาหนี้สิน จึงใช้หมอนกดที่ใบหน้า ด้วยความโมโหโกรธจนเสียชีวิต จากนั้นได้นำศพใส่ถุงทะเลแบก ไปใส่รถกระบะนำไปเผาโดยใช้ยางรถยนต์ 2 เส้นจุดไฟเผาจนเหลือแต่กระดูก แล้วนำกระดูกที่เหลือใส่ถุงไปทิ้งน้ำกลางสะพานอโยธยา
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แจ้งข้อกล่าวหา เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และซ่อนเร้นอำพรางศพ หรือย้ายศพ ส่วนกระดูกที่พบจะส่งชันสูจน์ตรวจดีเอ็นเอว่าตรงกับมารดาหรือไม่อีกครั้ง เพื่อยืนยันชิ้นส่วนที่พบ”
ด้านน้องสาวผู้ตาย เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า หลังจากทราบข่าวว่าพี่สาวหาย ได้เดินทางมาที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากสงสัยว่าเป็นฝีมือของส.ต.อ ปิยะ เพราะได้สอบถามว่าพี่สาวหายไปไหนแต่ ส.ต.อปิยะ. บอกว่าไม่ทราบ ไม่รู้ว่าหายไปไหน ซึ่งปกติเวลาพี่สาวออกไปไหนจะต้องนำโทรศัพท์ และรถยนต์ไปด้วยทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้ของทุกอย่างอยู่ครบหมดจึงแน่ใจว่าน่าจะเกิดเหตุร้ายอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้ส.ต.ท.ยังเคยทะเลาะกับพี่สาวบ่อยครั้ง ถึงขั้นขึ้นโรงพักแจ้งความลงบันทึกประจำวัน แต่ก็ไกล่เกลี่ยกันมาล่าสุดยังเคยพาตัวพี่สาวไปที่ อ.วังน้อย แล้วใช้ปืนจ่อหัวเพื่อจะยิงทิ้ง แต่พี่สาวได้ขอร้องจนผู้ต้องหาไม่ก่อเหตุ ดีใจที่ตำรวจจับกุมตัวได้อย่างรวดเร็ว ยังไม่อยากจะเชื่อว่า ผู้ต้องหาจะเป็นคนใจร้ายถึงขั้นฆ่าคนตายได้