คุมตัวตัวพ่อเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ทำแผน สารภาพยอมไม่ได้ลูกชายจะถูกคู่อริทำร้าย
จากกรณี นาย ฐิติพงศ์ ภาควัตร์ อายุ 59 ปี ใช้อาวุธปืนลูกซอง ยิง นาย วิโรจน์ ชูสร้อย อายุ30 ปี นายวิรัตน์ ชูสร้อย อายุ 30ปี บาดเจ็บสาหัส และ น.ส.กัลยา ไผ่ด้วง อายุ 21 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย คู่อริที่จะมาทำร้าย นายพลวัฒน์ ภาควัตร์ อายุ 28 ปี ลูกชาย ที่เป็น เจ้าของอู่ซ่อม แต่งรถยนต์ เหตุเกิด ริมถนน จอมพลป.พิบูลย์สงคราม ต.คุ้งลาน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อกลางดึก วันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 17 ก.ย. พ.ต.อ สถิตย์ สังข์ประไพ รรท. ผกก.สภ. บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวนาย ฐิติพงศ์ ภาควัตร์ อายุ 59 ปี ผู้ต้องหา นำชี้ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่อู่ซ่อมรถยนต์ ริมถนนจอมพล ป. ม.4 ต.คุ้งล้าน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
เริ่มตั้งแต่ จุดที่เก็บอาวุธปืน และช่วงที่นำอาวุธปืนออกมายิง กลุ่มของผู้ได้รับบาดเจ็บ 1นัด จะยิงซ้ำอีกครั้ง แต่ นาย พลวัฒน์ ภาควัตร์ อายุ 28 ปี เข้าห้าม กดกระบอกปืนลงเพราะ ช่วงนั้นมีรถยนต์วิ่งผ่านไปหลายคัน จากนั้นได้เดินออกมาด้านข้างของอู่ ยิงไปอีกนัด
นาย ฐิติพงศ์ ภาควัตร์ อายุ 59 ปี ยืนยันว่า ที่ต้องยิงเพราะตนเป็นพ่อ ต้องปกป้องลูกชายของตนเองที่จะถูกทำร้าย และมีการยิงปืนออกมาจากกลุ่มวัยรุ่น จึงต้องใช้อาวุธปืน สวนไป
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ให้ นาย พลวัฒน์ ภาควัตร์ อายุ 28 ปี ลูกชายของผู้ต้องหา ชี้จุดขณะเกิดเหตุ ว่าอยู่จุดไหน ในอู่ และจุดที่มองเห็นกลุ่มวัยรุ่น อยู่ที่หน้าร้านและตามจุดต่างๆ อย่างละเอียด
นาย พลวัฒน์ ยืนยันว่า กลุ่มคู่กรณี ใช้ถืออาวุธมีดเข้ามา และมีการใช้อาวุธปืนจริง และเป็นคนที่เรียกพอให้เอาอาวุธปืนออกมาเพราะกลุ่มคู่อริมากันหลายคน ท้ายทายให้ออกไปนอกอู่
หลังการ นำชี้จุดเกิดเหตุ และทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำการสอบสวน ต่อไป
จากการสอบสวน น.ส.กัลยา ไผ่ด้วง อายุ 21 ปี หนี่งใน ผู้บาดเจ็บ เป็นแฟนสาว ของนายวิโรจน์ ที่แขนและขา กล่าวว่า คืนวันก่อนเกิดเหตุ นายวิโรจน์ ผู้บาดเจ็บ ได้ขับรถยนต์กระบะ ตนเอง นั่งหน้าเบาะข้างคนขับ ส่วนนายวิรัตน์ น้องชาย นั่งอยู่เบาะหลังกับ เพื่อนอีกคน จากนั้น เพื่อน เดินข้ามถนนไป ที่หน้าอู่ซ่อมรถยนต์ ของ นายพลวัฒน์ ลูกชายผู้ก่อเหตุ เพื่อนได้เคาะ ประตูสังกะสี เรียกนายพลวัฒน์ เดินออกมา โต้เถียงกันอยู่สักพักนายพลวัฒน์ ได้ยินเสียงปืนดัง จนตนต้องหมอบลงกับพื้นรถ ต่อจากนั้น มีคนเข้ามาช่วยเหลือ
ขอยืนยันว่าวันที่เกิดเหตุนั้นตน ตั้งใจจะไปเคลียร์โดยให้ เพื่อนอีกคนที่รู้จักกับนายพลวัฒน์ เป็นตัวกลางในการพูดคุย นายพลวัฒน์ ไม่ยอม ขอยืนยันว่า ไม่มีการนำอาวุธปืน ในรถมีเพียงอาวุธมีด 1 เล่ม เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาความขัดแย้งเกิดจาก นายวิรัตน์ ซึ่งเปิดอู่เล็กๆที่บ้าน รับตกแต่งจูนเครื่องยนต์ ได้ลงทุนซื้ออุปกรณ์มาใหม่ และมีการจัดโปรโมชั่น ราคาพิเศษ ในช่วงนี้ อาจจะไปสร้างความไม่พอใจ ให้กับนาพลวัฒน์ เจ้าของอู่ ซึ่งมีการแสดงความคิดเห็น ในเฟสบุ๊ค ของ ช่างอีกคนที่รับงานจูนแต่งรถยนต์เหมือนกัน ทำนองว่า อย่าไปทำงานตัดราคากัน จนมีการตอบโต้กันไปมา จนพบล่าสุดนายพลวัฒน์ ได้โพส ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ข้อความ ว่า “ถ้ามึงอยู่ในอยุธยา ได้สงบสุข เลิกเรียกกู เด็กยุดยาได้เลย ไอ้สัสจูนเนอร หัวควย จูนเนอกากขับวีออส “ จนทำให้ฝ่ายของนายวิรัตน์ ไม่พอใจ เป็นทีมีการของการทะเลาวิวาท กันขับรถมาเบิ้ลเครื่องหน้าอู่กัน
พ.ต.อ สถิตย์ สังข์ประไพ รรท. ผกก.สภ. บางปะอิน ให้ข้อมูลว่าในเบื้องต้นพนักงานสอบสวนตั้งข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่น พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิด ในเมือง หมู่บ้าน หรือชุมชน โดยจะให้ความเป็นธรรมทั้ง2 ฝ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรวบรบมพยานหลักฐานส่วนอาการของนายวิรัตน์ ถูกยิงผ่าเข้าที่บริเวณศีรษะ นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชธานีส่วนนายวิโรจน์อาการ สาหัส ยังอยู่ในห้อง ICU