จับหนุ่มขับรถเจอด่านตำรวจหลบเขาปั๊มน้ำมันตรวจค้นในรถพแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์กว่า 10 แผ่น
วันที่ 2 ก.ค. พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพ ผกก.สภ.มาหราช จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันตั้งจุดตรวจ ค้น ยาเสพติด ป้องกันอาชญากรรม และการกระทำความผิด พ.ร.บ.จราจร อยู่บนถนนสายเอเชีย ขาเข้า กรุงเทพมหานคร ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 46 ม.4 ต.ท่าตอ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา
พบเห็นรถยนต์ โตโยต้า ฟอจูนเนอร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน กก-1779 พะเยา ด้านหลังไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับรถเลี้ยวหลบเข้าปั๊มน้ำมัน ใกล้กับจุดเกิดเหตุ อย่างกะทันหัน เข้าไปจอดหน้าร้านกาแฟ ซึ่งมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เฝ้าดูความผิดปกติ อยู่แล้ว และจดจำได้ว่ารถยนต์คันดังกล่าว เพิ่งจะออกข่าว มีลักษณะคล้ายกับที่ก่อเหตุ ขโมยแผ่นป้ายทะเบียน ในพื้นที่ จ.ลำปาง มีผู้ขับขี่เป็นชายแสดงท่าทีมีพิรุธ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัว ขอตรวจค้น ผู้ขับขี่ได้วิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจวิ่งติดตามไปจับกุมตัวเอาไว้ได้ ทราบชื่อนาย ครรชนะ จะตุนาม อายุ 36 ปี ชาวจังหวัดพะเยา
จึงควบคุมตัวมาตรวจค้นภายในรถพบว่าที่ด้านหน้ารถ มีการนำโลโก้ของรถยนต์ บีเอ็มดับบิว มาติดเอาไว้ ภายในรถ พบ ยาบ้า จำนวน 40 เม็ด อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 1 นัด กระสุนปืนขนาด 7.65 ม.ม. จำนวน 7 นัด แผ่นป้ายทะเบียน รถยนต์จำนวน 13 แผ่นป้าย บัตรประจำตัว บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต สมุดบัญชีธนาคาร และสมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ ทั้งหมดเป็นของบุคคลอื่น หนึ่งในบัตรที่พบมีบัตรของนายแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ด้วย นอกจากนี้ยังพบกุญแจรถยนต์จำนวน 6 ดอกโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง พระเครื่องจำนวนมาก อุปกรณ์งัดขอบกระจก
จากการสอบสวน นาย ครรชนะ จะตุนาม อายุ 36 ปี ให้การวกไปวนมา ยอมรับสารภาพว่า ยาบ้า และอาวุธปืน เป็นของตนเองซื้อมาจากซื้อมาจากเพื่อน ส่วนแผ่นป้ายทะเบียนตนเองไปขโมยมาจากรถยนต์ที่จอดตามสถานที่ต่างๆ มาสะสมและเก็บไว้ใช้ ในการเปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียน รถยนต์ของตนเอง เพราะมีคนคอยติดตามตนเอง
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่เชื่อในคำให้การของ ของนาย ครรชนะ จะต้องสอบสวน นาย ครรชนะ อย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากพูดจากวกไปวนมา ยอมรับว่าเพียงว่า เพิ่งจะเสพยาบ้ามาจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนขยายผล ติดตามหาเจ้าของแผ่นป้ายทะเบียน บัตรประชาชน ใบขับขี่ รวมถึงบัตรประจำตัวนายแพทย์ ที่ตรวจค้นพบในรถยนต์ของผู้ต้องหา ว่ามีการแจ้งความหาย หรือ เป็นรถยนต์ที่ถูกโจรกรรม มาหรือไม่